TRADEMARK

เครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายการค้า/บริการ คือ เครื่องหมายที่ใช้ หรือจะใช้ กับสินค้าหรือบริการ เพื่อแสดงว่าสินค้าหรือบริการนั้น แตกต่างกับสินค้าหรือบริการที่ใช้เครื่องหมายการค้า/บริการของบุคคลอื่น โดยสิ่งที่สามารถนำมาจดทะเบียนเป็น เครื่องหมายการค้า/บริการนั้น ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คำ ข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ กลุ่มของสี รูปร่างหรือรูปทรงของวัตถุ เสียง หรือสิ่งเหล่านี้อย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน

นอกจากเครื่องหมายการค้า/บริการแล้ว ยังมีเครื่องหมายชนิดอื่นที่กฎหมายกำหนดให้สามารถนำมาจดทะเบียนขอรับความคุ้มครองได้ ได้แก่

  • เครื่องหมายรับรอง คือ เครื่องหมายที่เจ้าของ ใช้หรือจะใช้ เพื่อเป็นการรับรองเกี่ยวกับแหล่งกำเนิด ส่วนประกอบ วิธีการผลิต คุณภาพ หรือคุณลักษณะอื่นใดของสินค้านั้น หรือเพื่อรับรองเกี่ยวกับสภาพ คุณภาพ ชนิด หรือคุณลักษณะอื่นใดของบริการนั้น
  • เครื่องหมายร่วม คือ เครื่องหมายการค้า/บริการที่ใช้หรือจะใช้ โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกันหรือโดยสมาชิกของสมาคม สหกรณ์ สหภาพ สมาพันธ์ กลุ่มบุคคลหรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชนอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน

เครื่องหมายการค้ามีอายุคุ้มครอง 10 ปี และสามารถต่ออายุ ได้ทุก ๆ 10ปี จนกว่าเจ้าเครื่องหมายการค้านั้นไม่ประสงค์จะใช้เครื่องหมายดังกล่าวแล้ว

ภาพรวมขั้นตอนและระยะเวลาของการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายการค้าอันพึงรับจดทะเบียนได้ ต้องประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้

  1. เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะ
    ลักษณะบ่งเฉพาะของเครื่องหมายการค้า
    ลักษณะบ่งเฉพาะ คือลักษณะที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ใช้สินค้านั้นทราบ และเข้าใจได้ว่า สินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้น แตกต่างไปจากสินค้าอื่น หรืออาจกล่าวได้ว่า คือลักษณะพิเศษที่จะทำให้สามารถแยกแยะความแตกต่างของแต่ละเครื่องหมายได้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการ เป็นเครื่องหมายการค้า โดยกฎหมายมีเจตนารมย์ที่จะให้ความคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคสินค้า มิให้เกิดความสับสนหลงผิดในสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้น ๆ
  2. เป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่มีลักษณะต้องห้าม
    เช่น ตราแผ่นดิน ตราจักรี ตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตราประจำกระทรวง กรม หรือประจำจังหวัด ธงชาติไทย ธงชาติต่างประเทศ ธงราชการ พระปรมาภิไธย พระบรมฉายาลักษณ์ ชื่อ คำ ข้อความ หรือเครื่องหมายใด อันแสดงถึงพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท เป็นต้น และ
  3. ไม่เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว
    ต้องไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น หรือลอกเลียนเครื่องหมายการค้าซึ่งได้รับการจดทะเบียนแล้วของบุคคลอื่น จนอาจทำให้สาธารณชนสับสบ หรือ หลงผิด ในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดสินค้า โดยพิจารณาจากคำ เสียงเรียกขาน รูปหรือภาพ และการประดิษฐ์ของเครื่องหมายการค้า เป็นต้น ซึ่งการจะพิจารณาจะต้องพิจารณาส่วนประกอบของเครื่องหมายการค้าทั้งหมดรวมกัน

1. กรณีคำขอจดทะเบียนมีข้อบกพร่องหรือเอกสารประกอบคำขอไม่ครบถ้วน
-เจ้าหน้าที่รับคำขอจะแจ้งให้ผู้ขอจดทะเบียนแก้ไขให้ถูกต้องหรือยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในทันที
-หากผู้ขอไม่สามารถดำเนินการแก้ไขหรือยื่นเอกสารหลักฐานได้ในทันที เจ้าหน้าที่จะทำบันทึกข้อบกพร่องหรือรายการเอกสารหลักฐานที่ต้องยื่นเพิ่มเติม พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาให้ผู้ขอดำเนินการแก้ไขหรือยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ยื่นคำขอ และให้มีการลงนามเจ้าหน้าที่รับคำขอและผู้ขอจดทะเบียนในบันทึกนั้น โดยเจ้าหน้าที่จะมอบสำเนาบันทึกดังกล่าวให้แก่ผู้ขอเพื่อเป็นหลักฐาน
-หากผู้ยื่นคำขอไม่ดำเนินการส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ครบถ้วนภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวให้ถือว่าผู้ยื่นคำขอละทิ้งคำขอ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการคืนคำขอให้แก่ผู้ยื่นคำขอพร้อมทั้งแจ้งเหตุแห่งการคืนคำขอและสิทธิในการอุทธรณ์ให้ทราบด้วย

2. เมื่อผู้ยื่นคำขอได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมใดๆ ให้แก่กรมทรัพย์สินทางปัญญาไปแล้ว จะขอคืนค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่ได้ไม่ว่าในกรณีใดๆ เว้นแต่
(1) มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้คืนค่าธรรมเนียม หรือ
(2) ชำระค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนหรือชำระเกิน ซึ่งการชำระดังกล่าว เกิดเนื่องจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมิใช่ความผิดของผู้ชำระซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะได้พิจารณาเป็นกรณีๆ ไป

3. ในกรณีที่ผู้ขอจดทะเบียนยื่นคำขอจดทะเบียนผ่านทางอินเตอร์เน็ต
-ผู้ขอจะต้องปฏิบัติตาม ประกาศกรมทรัพย์สินทางปัญญา เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขสำหรับการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายและคำร้องหรือคำขออื่นๆ

4. กรณีการยื่นคำขอมีการตั้งตัวแทนหรือมอบอำนาจ
4.1) ได้กระทำในต่างประเทศ
-หนังสือตั้งตัวแทนหรือมอบอำนาจต้องมีคำรับรองลายมือชื่อผู้ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของสถานทูตไทย หรือ
-สถานกงสุลไทย หรือ
-หัวหน้าสำนักงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ซึ่งประจำอยู่ ณ ประเทศที่ผู้ตั้งตัวแทนหรือผู้มอบอำนาจมีถิ่นที่อยู่ หรือ
-เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายให้กระทำการแทนบุคคลดังกล่าว หรือ
-มีคำรับรองของบุคคลซึ่งกฎหมายของประเทศนั้น ให้มีอำนาจรับรองลายมือชื่อ หรือ
4.2) ได้กระทำในประเทศไทยโดยผู้ตั้งตัวแทนหรือผู้มอบอำนาจมิได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
-ต้องส่งสำเนาหนังสือเดินทาง หรือ
-สำเนาหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ชั่วคราว หรือ
-หลักฐานอื่นที่แสดงให้นายทะเบียนเห็นว่าในขณะตั้งตัวแทนหรือมอบอำนาจ ผู้มอบอำนาจได้เข้ามาในประเทศไทยจริง

5. กรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจไม่ได้เป็นผู้ยื่นคำขอด้วยตนเอง โดยมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ยื่นคำขอแทน
-ควรมีหนังสือมอบอำนาจช่วงหรือหนังสือมอบอำนาจเฉพาะการให้บุคคลนั้น มีอำนาจยื่นคำขอและลงนามในบันทึกความบกพร่องแทนได้พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวที่ทางราชการออกให้ของผู้รับมอบอำนาจ และติดอากรแสตมป์ เพราะหากคำขอไม่ถูกต้องหรือเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วน และบุคคลผู้ยื่นคำขอไม่มีอำนาจลงนามในบันทึกดังกล่าว เจ้าหน้าที่ไม่อาจรับคำขอไว้ได้

6. การยื่นเอกสารประกอบคำขอ
6.1) กรณีที่ผู้ยื่นคำขอต้องนำเอกสารหรือหลักฐานหลายรายการมายื่นเพิ่มเติมให้ครบถ้วนตามบันทึกความบกพร่อง ให้ผู้ยื่นคำขอนำเอกสารหรือหลักฐานทั้งหมดมายื่นในคราวเดียวกัน
6.2) กรณีที่จะต้องส่งสำเนาเอกสารหลักฐาน ให้ทำการรับรองความถูกต้องของสำเนาเอกสารหลักฐานนั้นด้วย
6.3) กรณีที่จะต้องส่งเอกสารเป็นภาษาต่างประเทศ ให้ส่งเอกสารนั้นพร้อมด้วยคำแปลเป็นภาษาไทยโดยมีคำรับรองของผู้แปลว่าเป็นคำแปลที่ถูกต้อง
6.4) กรณีที่ผู้ขอจะต้องส่งต้นฉบับเอกสาร หากเป็นการยื่นคำขอในเรื่องเดียวกันพร้อมกันหลายคำขอ ให้ผู้ขอส่งต้นฉบับเอกสารเพียงคำขอเดียว และในคำขออื่นๆอนุญาตให้ส่งเป็นสำเนาเอกสารได้ แต่ผู้ขอจะต้องระบุในสำเนาเอกสารว่าต้นฉบับอยู่ในคำขอใด

1.คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการเครื่องหมายรับรองหรือเครื่องหมายร่วม
ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก 1 ถึง 5 อย่าง อย่างละ 1,000 บาท
ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก มากกว่า 5 อย่าง จำพวกละ 9,000 บาท
2.คำคัดค้านการขอจดทะเบียนตาม (1) ฉบับละ 2,000 บาท
3.คำอุทธรณ์
ก) อุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 27 หรือคำวินิจฉัยของนายทะเบียนตามมาตรา 37 ฉบับละ 4,000 บาท
ข) อุทธรณ์ตามมาตราอื่น ฉบับละ 2,000 บาท
4.คำขอโอนหรือรับมรดกสิทธิในคำขอที่ยื่นจดทะเบียน
และคำขอโอนหรือรับมรดกสิทธิในเครื่องหมายที่จดทะเบียนแล้ว คำขอละ 2,000 บาท
5.คำขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการ คำขอละ 1,000 บาท
6.คำขอต่ออายุการจดทะเบียน
ก) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก 1 ถึง 5 อย่าง อย่างละ 2,000 บาท
ข) สินค้าหรือบริการแต่ละจำพวก มากกว่า 5 อย่าง จำพวกละ 18,000 บาท
7.คำร้องขอต่อคณะกรรมการให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองหรือเครื่องหมายร่วม ฉบับละ 1,000 บาท
คำขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการ คำขอละ 400 บาท

พิธีสารมาดริด (MADRID PROTOCOL)
เป็นระบบยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการกระจายคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไปยังประเทศต่างๆที่เป็นภาคีมาตริด ซึ่งจะช่วยให้การขอรับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้รับคำขอ
หากประเทศไทย เข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด ผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกของไทยจะได้รับประโยชน์ โดยสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อขอรับความคุ้มครองในประเทศต่าง ๆ ได้ หลายประเทศในคราวเดียวกัน โดยยื่นคำขอจดทะเบียน เพียงคำขอเดียว ใช้เพียงภาษาเดียว คือ ภาษาอังกฤษ และเสียค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว ซึ่งก็จะทำให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว ในการยื่นคำขอจดทะเบียน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

  1. ผู้ยื่นคำขอได้รับความสะดวกและประหยัดเวลาด้วยการยื่นคำขอเพียงคำขอเดียว ในภาษาเดียว และ ชำระค่าธรรมเนียมเพียงแค่ครั้งเดียวต่อสำนักงานเดียว แทนที่จะต้องยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมาย การค้าในหลากหลายประเทศ หลายภาษา และจ่ายค่าธรรมเนียมแยกกันสำหรับแต่ละสำนักงาน
  2. ผู้ยื่นคำขอไม่ต้องรอการตอบรับจากสำนักงานในแต่ละประเทศที่ขอรับความคุ้มครอง หากว่าไม่มีการแจ้งปฏิเสธรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าเครื่องหมายได้รับความคุ้มครองในประเทศนั้น
  3. หากผู้ยื่นคำขอประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในทะเบียนเครื่องหมายการค้า เช่น การเปลี่ยนแปลง ชื่อหรือที่อยู่ของผู้ขอจดทะเบียน การโอนเครื่องหมายการค้า การขอจำกัดรายการสินค้าหรือบริการ ผู้ยื่นคำขอสามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย เพียงแค่ยืนคำร้องต่อสำนักงานระหว่างประเทศและ ชำระค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ให้เราบริการคุณ!

เราพร้อมดูแล แก้ปัญหา ให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญ มืออาชีพ รวดเร็ว จริงใจ เชื่อถือได้